 |
 |
|
“ จงตระหนักให้มากว่า ขึ้นชื่อว่าชาวไทยแล้ว ไม่ว่าจะถือศาสนาใด และแม้ ขนบธรรมเนียมและภาษาที่ใช้ อาจจะผิดเพี้ยนกันไปบ้างก็ตาม ต่างก็เป็นคนไทยด้วยกันทั้งสิ้น” |
พระราชดำรัสพระราชทาน ในการอบรมผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
พ.ศ. ๒๕๐๕ |
|
|
“ประเทศชาติประกอบด้วยประชาชน ถ้าไม่มีประชาชนประกอบขึ้นมาเป็นประเทศ ก็ไม่ใช่ประเทศ”
|
พระราชดำรัส พระราชทานแก่คณะบุคคลต่าง ๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคล เนื่องใน
โอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย
|
วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๒๐ |
|
 |
“ความสงบหนักแน่น เป็นเครื่องผ่อนปรนระงับความรุนแรง ความขัดแย้ง ความไม่เข้าใจกัน ได้ทุกกรณี”
|
พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร แก่บัณฑิตมหาวิทยาลัยมหิดล
ณ อาคารใหม่สวนอัมพร
|
วันพฤหัสบดีที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๓๕ |
|
 |
“ถ้าคนดีเข้มแข็งในความดี จะให้คนเลวมาทำให้คนดีเป็นคนเลวยาก”
|
พระราชดำรัสพระราชทาน แก่คณะบุคคลต่าง ๆ ที่เข้าเฝ้าฯ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรร
ษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต
|
วันพุธที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๓๙ |
|
|
“ถ้าจะเอาความปรองดองเป็นหลัก ก็เชื่อว่าเราจะทำอย่างไร ๆ ก็ตาม ก็จะไม่เสียชาติ และไม่ เสียความสงบของส่วนรวม”
|
พระราชดำรัสพระราชทานแก่คณะบุคคลต่าง ๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา
|
๔ ธันวาคม ๒๕๓๙ |
|
 |
“เรามีบ้านเมืองแล้ว เราต้องรักษา ไม่ใช่ทำลาย ผู้ที่อยากทำลาย ไม่ว่าเขาอยากทำลายอะไร แต่เขาก็ทำลายตัวเอง” |
พระราชดำรัส พระราชทานแก่คณะบุคคลต่าง ๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคล ณศาลาดุสิดาลัย
|
๔ ธันวาคม ๒๕๑๘ |
|
|
“การรักษาอิสรภาพและความเป็นไทยให้ดำรงมั่นคงยืนยาวไป ถือว่าเป็นกรณียกิจอันสำคัญสูงสุด นอกจากต้องอาศัยการบริหารประเทศที่ฉลาดสามารถและสุจริตเป็นธรรมแล้ว ยังต้องอาศัยความ ร่วมมือสนับสนุนจากประชาชนทั้งประเทศด้วย” |
พระราชดำรัสในการพระราชพีธีสมโภช กรุงรัตนโกสินทร์๒๐๐ปี
|
พ.ศ. ๒๕๒๕ |
|
 |
“ประเทศชาติจะอยู่ได้ก็ด้วยความสามัคคี เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ไม่ปัดขาปัดแข้งกัน หรือ อิจฉาริษยากัน ทำเช่นนั้นก็จะทำให้เมืองไทยอยู่ต่อไปได้อย่างที่เคยอยู่มาเป็นหลายศตวรรษมาแล้ว ไม่มีใครที่จะมาล้มเราได้ ถ้าเราไม่ล้มตนเอง” |
พระราชดำรัสในพิธีพระราชทานธงประจำรุ่น ลูกเสือชาวบ้าน จ.ชลบุรี ณ จิตตภาวันวิทยาลัย
|
๒๓ พฤษภาคม ๒๕๑๙ |
|
 |
“ปัจจุบันสภาวการณ์หลายอย่างบ่งบอกว่าเป็นคราวที่เราจะต้องละวางความตามใจตัวกันแล้ว และจะต้องนึกถึงชาติประเทศกันให้หนักแน่น ทุกฝ่ายทุกคนควรจะได้เร่งรัดปฏิบัติสรรพกิจ การงานทุกด้านโดยขะมักเขม้น ให้ประสานสอดคล้องปรองดองและเกื้อกูลกัน ตั้งมั่นอยู่ใน ความสุจริต สามัคคีและความไม่ประมาท ใช้สติปัญญาความสามารถให้เป็นประโยชน์ให้มาก ที่สุด ยึดเอาอิสรภาพ อธิปไตยและประโยชน์สุขของประชาชนคนไทยเป็นจุดหมายสูงสุด เพื่อ รักษาชาติประเทศและความเป็นไทยของเราไว้ให้ธำรงอยู่ตลอดไปสิ้นกาลนาน”
|
พระราชดำรัสพระราชทานแก่คณะนายทหารและตำรวจที่เข้าเฝ้าฯ ณ พระตำหนักจิตรลดาฯ
|
วันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๒๐ |
|
|