ขณะที่ทรงศึกษาอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พระองค์ทรงสนพระราชหฤทัยในดนตรีแจ๊ส ทรงโปรดการฟังแผ่นเสียงของนักดนตรีแจ๊สชั้นนำหลายท่าน ซึ่งการฟังดนตรีแจ๊สของพระองค์นั้น ไม่ใช่เพื่อความเพลิดเพลินเพียงอย่างเดียว แต่พระองค์ประสงค์ที่จะศึกษาและเปรียบเทียบแนวทางการเล่นดนตรีของนักดนตรีแต่ละคน พร้อมทั้งทรงฝึกฝนการเล่นดนตรีแจ๊สด้วยพระองค์เอง โดยทรงเครื่องเป่าไปพร้อมกับเสียงเพลงจากแผ่นเสียงของนักดนตรีแจ๊สที่ต้องพระราชหฤทัย เช่น ซิดนีย์ เบเชต์ (Sydney Bechet) ดุค เอลลิงตัน (Duke Ellington) ฯลฯ
ทั้งนี้ ด้วยพระอัจฉริยภาพส่วนพระองค์ ประกอบกับการฝึกฝนด้วยพระองค์เองอย่างสม่ำเสมอ ทำให้พระองค์เป็นนักดนตรีผู้มีฝีมือระดับสูง ทรงมีพระปรีชาสามารถในการเป่าโซปราโนแซ็กโซโฟนได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ ยังเคยทรงแซ็กโซโฟนและแคลริเน็ต โต้ตอบกับนักดนตรีแจ๊สที่มีชื่อเสียงของโลก อย่างเช่น เบนนี่ กู๊ดแมน (Benny Goodman) หรือสแตน เก็ทซ์ (Stan Getz) ได้อย่างคล่องแคล่วอีกด้วย
ทั้งนี้ ดนตรีประเภทที่ทรงโปรด คือดนตรีแจ๊สดิ๊กซีแลนด์ ซึ่งเป็นสไตล์ของชาวอเมริกันแห่งเมืองนิวออลีนส์ เป็นแจ๊สที่มีจังหวะตื่นเต้น ครึกครื้น สนุกสนานเร้าใจ ใช้ดนตรีไม่กี่ชิ้นก็สามารถเล่นได้ เหมาะกับนักดนตรีสมัครเล่นที่ตั้งวงเล่นในหมู่มิตรสหายที่คุ้นเคยกัน โดยเวทีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้บรรเลงดนตรีอยู่เสมอ คือการเล่นหลังการเลี้ยงอาหารไทยแก่นักเรียนไทยที่อพยพจากประเทศข้างเคียงไปเรียนที่เมืองโลซานน์ ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารทุกวันในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สอง
ในปี พ.ศ. ๒๔๙๓ หลังจากที่ได้เสด็จนิวัตประเทศไทย ได้ทรงรวบรวมพระประยูรญาติที่เป็นนักดนตรี มาจัดตั้งวง “ลายคราม” เป็นวงดนตรีส่วนพระองค์ ร่วมเล่นดนตรี ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน ทุกเย็นวันศุกร์ และในปี พ.ศ. ๒๔๙๕ กรมประชาสัมพันธ์ได้น้อมเกล้าฯ ถวายเครื่องส่งวิทยุกำลังส่ง ๑๐๐ วัตต์ พระองค์จึงทรงจัดตั้งสถานีวิทยุ อ.ส. ขึ้น เพื่อเป็นสื่อกลางให้ความบันเทิงและสาระประโยชน์ ตลอดจนข่าวสารต่างๆ แก่ประชาชน โดยวงดนตรีลายคราม ได้มีโอกาสบรรเลงเพลงผ่านทางสถานีวิทยุ อ.ส. เป็นประจำทุกวันศุกร์
ต่อมา พระองค์มีพระราชดำริที่จะปรับปรุงวงดนตรีลายคราม เพราะนักดนตรีกิตติมศักดิ์บางท่านไม่สามารถมาร่วมเล่นดนตรีได้เต็มที่ จึงต้องหานักดนตรีจากสถาบันการศึกษาต่างๆ ที่เคยมาบรรเลงที่สถานีวิทยุ อ.ส. ก่อนจะพระราชทานชื่อวงใหม่ว่า “วงดนตรี อ.ส. วันศุกร์” โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงดนตรีกับวง อ.ส. วันศุกร์เป็นประจำ รวมถึงทรงจัดรายการเพลงและเลือกแผ่นเสียงด้วยพระองค์เอง และบางครั้งยังโปรดเกล้าฯ ให้ผู้ฟังโทรศัพท์เข้ามาขอเพลงจากวงดนตรีที่กำลังบรรเลงได้อีกด้วย
นอกจากจะทรงดนตรีได้เป็นเลิศแล้ว พระองค์ยังเป็นนักดนตรีที่เอาพระทัยใส่ในเรื่องการบำรุงรักษาเครื่องดนตรี โดยเครื่องดนตรีส่วนพระองค์ จะทรงทำความสะอาดเอง ทรงเก็บเอง และยังทรงเป็นครูสอนช่างซ่อมเครื่องดนตรีอีกด้วย โดยเฉพาะการซ่อมแตรที่จะทรงทราบวิธีซ่อมเป็นอย่างดี
นอกจากการทรงดนตรีในประเทศไทยแล้ว เมื่อเสด็จฯ เยือนต่างประเทศ ก็ได้แสดงพระอัจฉริยภาพในการแสดงดนตรีร่วมกับนักดนตรีที่มีชื่อเสียงโดยมิได้เตรียมพระองค์มาก่อน นอกจากจะทรงได้รับการยกย่องถึงความมีอัจฉริยภาพดังกล่าวแล้ว พระองค์ยังทรงใช้ดนตรีเป็นเครื่องกระชับสัมพันธไมตรีกับประเทศเพื่อนบ้านให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นอีกด้วย
นอกจากการร่วมทรงดนตรีกับบุคคลที่มีชื่อเสียง สถานีวิทยุกระจายเสียงของต่างประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา ออสเตรีย ยังได้เชิญบทพระราชทานสัมภาษณ์ พร้อมทั้งวงดนตรีที่ทรงร่วมบรรเลง กระจายเสียงทางสถานีวิทยุไปทั่วโลก และกล่าวได้ว่า พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งเอเชียพระองค์แรก ที่ได้แสดงผลงานในนครแห่งดนตรีของโลกให้เป็นที่ประจักษ์ และด้วยพระอัจฉริยภาพอันสูงส่งทางด้านดนตรีของพระองค์ สถาบันการดนตรีและศิลปะแห่งกรุงเวียนนา (Die Akademie fur Musik und Darstellende Kunst in Wien – The Academy for Music and Performing Arts in Vienna)
ได้ทูลเกล้าฯ ถวายประกาศนียบัตรเกียรติคุณชั้นสูงแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทรงดำรงตำแหน่งสมาชิกกิตติมศักดิ์ ลำดับที่ ๒๓ พร้อมทั้งได้จารึกพระพระปรมาภิไธยลงบนแผ่นศิลาของสถาบัน ทั้งนี้ พระองค์ท่าน เป็นชาวเอเชียคนแรกที่ได้เป็นสมาชิกของสถาบันแห่งนี้
ไม่เพียงแต่พระองค์จะทรงสนพระราชหฤทัยในดนตรีสากลเท่านั้น แต่ยังได้ทรงสนับสนุนการทางด้านดนตรีไทยด้วย โดยได้มีพระราชประสงค์ที่จะอนุรักษ์ดนตรีไทยและนาฏศิลป์ไทยให้อยู่คู่กับชาติไทยตลอดไป นอกจากนี้ ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีครอบประธานครูโขนละคร และต่อกระบวนท่ารำเพลงหน้าพาทย์องค์พระพิราพ ซึ่งเป็นเพลงหน้าพาทย์สูงสุดในวิชาดนตรีและนาฏศิลป์ไทยอีกด้วย
นอกจากจะทรงพระปรีชาสามารถในการทรงดนตรีประเภทต่างๆ แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังทรงพระปรีชาสามารถในการแต่งคำร้อง ทำนอง และเรียบเรียงเสียงประสาน เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ ซึ่งเพลงพระราชนิพนธ์เหล่านี้ นอกจากท่วงทำนองที่ไพเราะแล้ว ยังมีเนื้อร้องที่มีคติสอนใจอีกด้วย ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเพลงพระราชนิพนธ์ให้กับเหล่าทหาร ตลอดจนวงดนตรีต่างๆ รวมถึงวงดนตรีประจำมหาวิทยาลัยอีกด้วย ทั้งนี้ เพลงพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น ๔๘ เพลง ดังนี้
๑. |
เพลงแสงเทียน |
|
เพลงพระราชนิพนธ์เพลงแรก โดยทรงพระราชนิพนธ์เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๘๙ ครั้งดำรงพระราชอิสริยยศเป็นสมเด็จพระอนุชาธิราช และได้นำเพลงนี้ออกบรรเลงครั้งแรกในปี พ.ศ. ๒๔๙๐ |
๒. |
เพลงยามเย็น |
|
ทรงพระราชนิพนธ์ในปี พ.ศ. ๒๔๘๙ และได้พระราชทานเพลงนี้ให้แก่นายเอื้อ สุนทรสนาน บรรเลงในงานของสมาคมปราบวัณโรค ณ เวทีลีลาศสวนอัมพร ในปี พ.ศ. ๒๔๘๙ นับเป็นเพลงพระราชนิพนธ์เพลงแรกที่นำออกบรรเลงสู่ประชาชน |
๓. |
เพลงสายฝน |
|
ทรงพระราชนิพนธ์เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๙ บรรเลงครั้งแรกในงานรื่นเริงของสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทย ณ เวทีลีลาศสวนอัมพร |
๔. |
เพลงใกล้รุ่ง |
|
ทรงพระราชนิพนธ์ในปี พ.ศ. ๒๔๘๙ และได้พระราชทานให้วงดนตรีสุนทราภรณ์นำออกมาบรรเลงครั้งแรกทางสถานีวิทยุกระจายเสียงกรมโฆษณาการ ในปี พ.ศ. ๒๔๘๙ |
๕. |
เพลงชะตาชีวิต |
|
ทรงพระราชนิพนธ์ในปี พ.ศ. ๒๔๙๐ หลังจากเสด็จขึ้นครองราชย์และเสด็จฯ กลับไปทรงศึกษาต่อที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ |
๖. |
เพลงดวงใจกับความรัก |
|
ทรงพระราชนิพนธ์ในปี พ.ศ. ๒๔๙๐ |
๗. |
เพลงมาร์ชราชวัลลภ |
|
ทรงพระราชนิพนธ์ในปี พ.ศ. ๒๔๙๑ และพระราชทานให้เป็นเพลงประจำกรมทหารราบที่ ๑ มหาดเล็กรักษาพระองค์ เพื่อใช้ในพิธีสวนสนาม |
๘. |
เพลงอาทิตย์อับแสง |
|
ทรงพระราชนิพนธ์เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๒ ขณะประทับแรมอยู่ที่เมืองดาโวส์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ |
๙. |
เพลงเทวาพาคู่ฝัน |
|
ทรงพระราชนิพนธ์เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๒ |
๑๐. |
เพลงคำหวาน |
|
ทรงพระราชนิพนธ์เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๒ |
๑๑. |
เพลงมหาจุฬาลงกรณ์ |
|
ทรงพระราชนิพนธ์เมื่อปี ๒๔๙๒ ต่อมาได้พระราชทานทำนองเพลงให้เป็นเพลงประจำจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย นับเป็นเพลงไทยเพลงแรกที่เรียบเรียงจากโน้ตเพลงไทยสากล ปัจจุบัน จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยใช้เพลงนี้สำหรับโหมโรงในการบรรเลงดนตรีไทยของชมรมดนตรี |
๑๒. |
เพลงแก้วตาขวัญใจ |
|
ทรงพระราชนิพนธ์เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๒ |
๑๓. |
เพลงพรปีใหม่ |
|
ทรงพระราชนิพนธ์เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๕ เมื่อเสด็จนิวัตพระนครและได้เข้าประทับ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต โดยพระประสงค์ที่พระราชนิพนธ์เพลงนี้ เพื่อพระราชทานพรปีใหม่แกพสกนิกรไทยด้วยเพลงนี้ เมื่อทรงพระราชนิพนธ์เสร็จ ได้พระราชทานเพลงนี้ให้แก่วงดนตรีนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และวงดนตรีสุนทราภรณ์ |
๑๔. |
เพลงรักคืนเรือน |
|
ทรงพระราชนิพนธ์ในปี พ.ศ. ๒๔๙๕ พระราชทานให้นำออกบรรเลงในงานสมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษในพระบรมราชูปถัมภ์ |
๑๕. |
เพลงยามค่ำ |
|
ทรงพระราชนิพนธ์ในปี พ.ศ. ๒๔๙๕ พระราชทานให้นำไปบรรเลงในงานของสมาคมศิษย์เก่าสหรัฐอเมริกาในพระบรมราชูปถัมน์ |
๑๖. |
เพลงยิ้มสู้ |
|
ทรงพระราชนิพนธ์ในปี พ.ศ.๒๔๙๕ ทรงพระราชทานให้นำไปบรรเลงในงานสมาคมช่วยคนตาบอดในพระราชูปถัมภ์ ณ เวทีลีลาศ สวนอัมพร |
๑๗. |
เพลงมาร์ชธงไชยเฉลิมพล |
|
ทรงพระราชนิพนธ์ในปี พ.ศ.๒๔๙๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระราชทานแก่กองทัพไทย เพื่อใช้ในการเชิญธงไชยเฉลิมพลในพิธีการกองทัพ |
๑๘. |
เพลงเมื่อโสมส่อง |
|
ทรงพระราชนิพนธ์ในปี พ.ศ.๒๔๙๗ ได้พระราชทานให้นำไปบรรเลงในงานรื่นเริงประจำปี ของสมาคมศิษย์เก่าสหรัฐอเมริกาในพระบรมราชูปถัมน์ |
๑๙. |
เพลงลมหนาว |
|
ทรงพระราชนิพนธ์ในปี พ.ศ.๒๔๙๗ ได้พระราชทานเพลงนี้ออกบรรเลงครั้งแรกในงานประจำปีงานสมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษในพระบรมราชูปถัมภ์ |
๒๐. |
เพลงศุกร์สัญลักษณ์ |
|
ทรงพระราชนิพนธ์ในปี พ.ศ.๒๔๙๗ ได้พระราชทานออกบรรเลงครั้งแรกทางสถานีวิทยุ อ.ส. |
๒๑. |
เพลง Oh I Say (!) |
|
ทรงพระราชนิพนธ์ในปี พ.ศ.๒๔๙๘ ได้พระราชทานให้นำออกบรรเลงในงานของสมาคมศิษย์เก่าสหรัฐอเมริกาในพระบรมราชูปถัมน์ |
๒๒. |
เพลง Can’t You Ever See |
|
ทรงพระราชนิพนธ์ในปี พ.ศ.๒๔๙๘ ในงานรื่นเริงประจำปี ของสมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษในพระบรมราชูปถัมภ์ |
๒๓. |
เพลง Lay Kram Goes Dixie |
|
ทรงพระราชนิพนธ์ในปี พ.ศ.๒๔๙๘ นำออกบรรเลงเป็นครั้งแรกทางสถานีวิทยุ อ.ส |
๒๔. |
เพลง ค่ำแล้ว |
|
ทรงพระราชนิพนธ์ เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๙๘ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประพันธ์คำร้องภาษาไทย มีเรื่องเล่าว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงอุ้มสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ไว้ในอ้อมพระกรข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งทรงอิเล็กโทนเพลงพระราชนิพนธ์ Lullaby แล้วสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์น้อยก็หลับไป |
๒๕. |
เพลง สายลม |
|
ทรงพระราชนิพนธ์ในปี พ.ศ.๒๕๐๐ พระราชทานให้นำออกบรรเลงครั้งแรกในงานของสมาคมศิษย์เก่าสหรัฐอเมริกาในพระบรมราชูปถัมน์ |
๒๖. |
เพลง ไกลกังวล : เกิดเป็นไทยตายเพื่อไทย |
|
ทรงพระราชนิพนธ์ในปี พ.ศ.๒๕๐๐ พระราชทานให้นำออกบรรเลงในงานสมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษในพระบรมราชูปถัมภ์ |
๒๗. |
เพลง แสงเดือน |
|
ทรงพระราชนิพนธ์ในปี พ.ศ.๒๕๐๑ จึงได้พระราชทานให้อัญเชิญไปประกอบการแสดงบัลเล่ต์ ในงานสมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษในพระบรมราชูปถัมภ์ |
๒๘. |
เพลง ฝัน |
|
ทรงพระราชนิพนธ์ในปี พ.ศ.๒๕๐๒ พระราชทานให้บรรเลงในงานสมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษในพระบรม
ราชูปถัมภ์ |
๒๙. |
เพลง มาร์ชราชนาวิกโยธิน |
|
ทรงพระราชนิพนธ์ในปี พ.ศ.๒๕๐๒ นำออกบรรเลงครั้งแรก ณ สนามกีฬาแห่งชาติ ในงานราชนาวีไทย นาวิกโยธินอเมริกัน เพื่อหารายได้สมทบทุนมูลนิธิ “มหิดล” |
๓๐. |
เพลง ภิรมย์รัก A Love Story |
|
เพลงพระราชนิพนธ์ชุด Kinari Suite ทรงพระราชนิพนธ์ใน พ.ศ. ๒๕๐๒ เพื่อประกอบการแสดงบัลเลต์ชุด “มโนห์รา” ซึ่งนอกจากจะทรงแยกและเรียบเรียงเสียงประสานด้วยพระองค์เองทั้งชุดแล้ว ยังทรงควบคุมการฝึกซ้อมการแสดงด้วยพระองค์เองอีกด้วย เพลงพระราชนิพนธ์ชุดนี้ ประกอบไปด้วย ๔ เพลง คือ อันดับที่ ๓๐ เพลง ภิรมย์รัก A Love Story อันดับที่ ๓๑ เพลง Nature Waltz อันดับที่ ๓๒ เพลง The Hunter และอันดับที่ ๓๓ เพลง Kinari Waltz |
๓๑. |
Nature Waltz |
|
เพลงประกอบในเพลงพระราชนิพนธ์ชุด Kinari Suite |
๓๒. |
เพลง The Hunter |
|
เพลงประกอบในเพลงพระราชนิพนธ์ชุด Kinari Suite |
๓๓. |
Kinari Waltz |
|
เพลงประกอบในเพลงพระราชนิพนธ์ชุด Kinari Suite |
๓๔. |
เพลง แผ่นดินของเรา |
|
ทรงพระราชนิพนธ์ในปี พ.ศ.๒๕๐๒ นำออกบรรเลงครั้งแรก ณ ศาลาผกาภิรมย์ สวนจิตรลดา |
๓๕. |
เพลง พระมหามงคล |
|
ทรงพระราชนิพนธ์ในปี พ.ศ.๒๕๐๒ ทรงให้เป็นเพลงประจำวงดนตรีสุนทราภรณ์ในโอกาสที่ก่อตั้งมาครบ ๒๐ ป |
๓๖. |
เพลง ธรรมศาสตร์ |
|
ทรงพระราชนิพนธ์ในปี พ.ศ.๒๕๐๕ พระราชทานเพลงที่สมบูรณ์แล้วให้แก่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในโอกาสที่เสด็จราชดำเนินเป็นครั้งแรก |
๓๗. |
เพลง ในดวงใจนิรันดร์ |
|
ทรงพระราชนิพนธ์ในปี พ.ศ.๒๕๐๘ ทรงพระราชนิพนธ์คำร้องภาษาอังกฤษด้วยพระองค์เองเป็นเพลงแรก |
๓๘. |
เพลง เตือนใจ |
|
ทรงพระราชนิพนธ์ทำนองและคำร้องภาษาอังกฤษ ใน พ.ศ. ๒๕๐๘ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค และหม่อมหลวงประพันธ์ สนิทวงศ์ ประพันธ์คำร้องภาษาไทยถวาย |
๓๙. |
เพลง ไร้จันทร์ : ไร้เดือน |
|
ทรงพระราชนิพนธ์ทำนองและคำร้องภาษาอังกฤษพร้อมกัน ในปีพ.ศ. ๒๕๐๘ ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายอาจินต์ ปัญจพรรค์ ประพันธ์คำร้องภาษาไทยชื่อ “ไร้จันทร์” ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค และหม่อมหลวงประพันธ์ สนิทวงศ์ ประพันธ์คำร้องภาษาไทยชื่อ “ไร้เดือน” |
๔๐. |
เพลง เกาะในฝัน |
|
ทรงพระราชนิพนธ์ทำนองและคำร้องภาษาอังกฤษพร้อมกัน ในปี พ.ศ. ๒๕๐๘ พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค และหม่อมหลวงประพันธ์ สนิทวงศ์ ประพันธ์คำร้องภาษาไทยถวาย |
๔๑. |
เพลง แว่ว |
|
ทรงพระราชนิพนธ์ทำนองและคำร้องภาษาอังกฤษพร้อมกัน ในปี พ.ศ. ๒๕๐๘ เพลงนี้วงดนตรีสุนทราภรณ์นำออกบรรเลงเป็นครั้งแรกในงานสังคีตมงคล ครั้งที่๑ ณ บริเวณพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต |
๔๒. |
เพลง เกษตรศาสตร์ |
|
ทรงพระราชนิพนธ์ในปี พ.ศ.๒๕๐๙ พระราชทานเป็นเพลงประจำมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์นำออกบรรเลงเป็นครั้งแรกในวันทรงดนตรีร่วมกับวงดนตรีสากลของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ |
๔๓. |
เพลง ความฝันอันสูงสุด |
|
ทรงพระราชนิพนธ์ในปี พ.ศ.๒๕๑๔ ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค ได้รับพระราชเสาวนีย์จากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ให้เขียนบทกลอนแสดงความนิยมส่งเสริมคนดีให้มีกำลังใจทำงานเพื่ออุดมคติเพื่อประเทศชาติ |
๔๔. |
เพลง เราสู้ |
|
ทรงพระราชนิพนธ์ทำนอง นายสมภพ จันทรประภา ใส่คำร้องโดยประพันธ์เป็นกลอนสุภาพ ๔ บท ใน พ.ศ.๒๕๑๖ คำร้องนี้นายสมภพได้ขอพระราชทานพระราชดำรัสที่พระราชทานแก่สมาชิกสภานิติบัญญัติ ซึ่งได้จัดการแข่งฟุตบอล เพื่อนำรายได้ทูลเกล้าฯ ถวายโดยเสด็จพระราชกุศล และเข้าเฝ้าฯ ณ ตำหนักจิตรลดารโหฐาน |
๔๕. |
เพลง เรา-เหล่าราบ ๒๑ |
|
ทรงพระราชนิพนธ์ในปี พ.ศ.๒๕๑๙ จึงทรงพระราชนิพนธ์ทำนองเพลงพระราชทาน นับเป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ ๓ ที่ทรงจากคำร้อง |
๔๖. |
เพลง Blues for Uthit |
|
ทรงพระราชนิพนธ์ในปี พ.ศ.๒๕๒๒ พระราชนิพนธ์เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ นายอุทิตต์ ทินกร ณ อยุธยา นำออกบรรเลงครั้งแรกทางสถานีวิทยุ อ.ส. |
๔๗. |
เพลง รัก |
|
ทรงพระราชนิพนธ์ในปี พ.ศ.๒๕๓๗ ทรงบรรเลงดนตรีนำด้วยพระองค์เองต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้นำออกอากาศทางสถานีวิทยุ จ.ส.๑๐๐ เมื่อต้นปี ๒๕๓๘ |
๔๘. |
เพลง เมนูไข่ |
|
ทรงพระราชนิพนธ์เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๓๘ เพื่อพระราชทานเป็นของขวัญวันพระราชสมภพครบ
๗๒ พรรษา สมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ นำออกบรรเลงและ
ขับร้องในงานพระราชทานเลี้ยงฉลองสมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราช
นครินทร์ ณ ศาลาดุสิดาลัย |