พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตระหนักถึงความสำคัญของงานสถาปัตยกรรมไทย ในด้านความงดงาม ประณีต และเป็นงานที่สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญของชาติและบ่งบอกถึงความเจริญด้านจิตใจของคนไทย ถือเป็นงานศิลปวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าและได้สืบทอดเป็นมรดกทางวัฒนธรรมมาเป็นเวลาอันยาวนาน ความสนพระราชหฤทัยของพระองค์ในด้านสถาปัตยกรรมนี้ ได้ยังประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองและประชาชนของพระองค์อย่างไพศาล รวมทั้งได้เกื้อหนุนต่อพัฒนาการของงานศิลปะและสถาปัตยกรรมไทยอย่างยิ่งทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพด้านสถาปัตยกรรมไทยของพระองค์อย่างแท้จริง
โครงการด้านสถาปัตยกรรมไทยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานพระราชดำริและพระบรมราชวินิจฉัยมีอยู่หลายประเภท ที่สำคัญได้แก่งานสถาปัตยกรรมไทยในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งพระองค์ได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเรือนต้น ซึ่งเป็นหมู่เรือนไทย ในบริเวณพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เพื่อเป็นการรักษาแบบฉบับของศิลปะ และเพื่อเผยแพร่งานด้านสถาปัตยกรรมไทยให้แก่พระราชอาคันตุกะที่ได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมชมสถานที่ดังกล่าว
นอกจากนี้ก็มีงานสถาปัตยกรรมไทยอันเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนาและอาคารสาธารณะอื่นๆ พระราชกรณียกิจและความสนพระราชหฤทัยต่องานสถาปัตยกรรมไทยนี้ ซึ่งในการที่ทรงมีพระราชดำริและพระราชวินิจฉัยงานด้านสถาปัตยกรรมไทยนั้น จะทรงเน้นทั้งด้านการใช้สอย สัดส่วนและรูปทรง ตลอดจนส่วนประดับประดาตกแต่งต่างๆ พระราชทานแก่บรรดาสถาปนิกที่ถวายงานรับใช้พระองค์ท่าน ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความชำนาญ อีกทั้งพรั่งพร้อมไปด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิในงานสถาปัตยกรรมไทยทั้งสิ้น
ตลอดระยะเวลา ๖๐ ปี ของการครองราชย์ด้วยพระเกียรติยศอันสูงส่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงประกอบพระราชกรณียกิจด้านสถาปัตยกรรมไทยในโครงการต่างๆ หลายประเภท ได้แก่ งานสถาปัตยกรรมไทยในพระบรมหาราชวัง และพระตำหนักต่างๆ งานสถาปัตยกรรมไทยที่เกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนา และงานสถาปัตยกรรมไทยประเภทอื่นๆ ตัวอย่างของโครงการเหล่านั้น ได้แก่
พระมหาธาตุเฉลิมราชศรัทธา วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ สาธารณรัฐอินเดีย |
แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๗ |
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯได้ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยประกอบภาพฝีพระหัตถ์ โดยพระราชทานกลับมาที่ผู้ออกแบบและดำเนินการต่อมาจนแล้วเสร็จ อีกทั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานพระบรมสารีริกธาตุกลับสู่แดนพุทธภูมิ และเส้นพระเจ้า เพื่ออัญเชิญไปประดิษฐานในพระธาตุเจดีย์ ที่ได้รับสั่งแก่ผู้ใกล้ชิดว่า “เจดีย์ของเรา”
ทั้งนี้แนวความคิดในการออกแบบตามพระราชดำริ จะมีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมแบบไทย ซึ่งประสมประสานลักษณะเด่นของสถาปัตยกรรมธาตุเจดีย์ที่ปรากฎในประเทศไทยมาแต่ครั้งโบราณ ซึ่งเมื่อสถาปนิกผู้ถวายงาน ได้จัดทำแบบร่างพระธาตุเจดีย์เพื่อทูลเกล้าฯ ถวาย พระองค์ได้ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยและพระราชทานลายพระหัตถ์ในรูปแบบมายังสถาปนิกผู้ถวายงาน เพื่อปรับปรุงรูปแบบทูลเกล้าฯ ถวายทอดพระเนตรจนเป็นที่พอพระราชหฤทัย |
การอนุรักษ์พระพุทธรัตนสถาน บริเวณสวนศิวาลัย เขตพระราชฐานชั้นกลาง ในพระบรมมหาราชวัง |
แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๗ |
ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งถึงแนวทางแก้ไขภาพจิตรกรรมฝาผนังพระพุทธรัตนสถานว่า “คติช่างไทยแต่โบราณ
จะกำหนดภาพเขียนให้มีความสัมพันธ์กับประวัติและความสำคัญของอาคาร แนวศิลปกรรมและการใช้สีขัดแย้ง
กับภาพจิตรกรรมตอนบนที่เขียนเมื่อครั้งรัชกาลที่๔ อันเป็นการเขียนภาพแบบไทยประเพณี สมควรรักษาแนวคิด
ของช่างโบราณ”
พระพุทธรัตนสถานเป็นอาคารที่มีลักษณะสถาปัตยกรรมในสมัยรัชกาลที่ ๔ การปรับเปลี่ยนจิตรกรรมฝาผนัง ก็
ควรจะต้องสอดคล้องกลมกลืนกับภาพตอนบนด้วย |
พระอุโบสถวัดพระราม๙ กาญจนาภิเษก กรุงเทพมหานคร |
แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๐ |
ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มีพระราชประสงค์ให้ พื้นที่บริเวณบึงพระราม๙ กรุงเทพมหานคร เป็นเมือง
ตังอย่างของชุมชนที่มี บ้าน วัด โรงเรียน ตามหลักของ “บวร” ในการประสานความร่วมมือร่วมใจกันในการ
พัฒนาชุมชนให้บังเกิดความเจริญยิ่งขึ้น ทั้งนี้แนวคิดตามพระราชดำริเมื่อสถาปนิกผู้ถวายงานได้นำแบบพระ
อุโบสถขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย พระองค์มีรับสั่งให้ย่อขนาดของพระอุโบสถลง เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพของชุมชน
โดยรอบ ทั้งนี้พระอุโบสถได้รับการออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมไทยร่วมสมัย โดยได้เค้าโครงมาจากพระอุโบสถ
วัดพระปฐมเจดีย์
วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก เป็นพระอารามหลวง เป็นวัดประจำรัชกาลที่ ๙ ปัจจุบันได้กลายเป็นวัดต้นแบบของ
การพัฒนาชุมชนเมืองอย่างสมบูรณ์ |
พระอุโบสถวัดโสธรวรารามวรวิหาร จังหวัดฉะเชิงเทรา |
เริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๐ แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๘ |
ทรงมีกระแสพระราชดำรัสขณะเสด็จฯ เพื่อทรงประกอบพิธีทางศาสนาตามขัตติยราชประเพณี เนื่องในวันวิสาขบูชา ๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๐๓ ว่า “ตั้งใจมานมัสการหลวงพ่อพุทธโสธรนานแล้ว ทำไมสร้างพระอุโบสถแบบนี้ ไม่
สมเกียรติหลวงพ่อพุทธโสธร ให้ปรับปรุงแก้ไขเสียใหม่”
แนวความคิดในการออกแบบตามพระราชดำริ ได้เน้นการประยุกต์รูปแบบที่ไม่อิงตามแบบแผนของเขต
พุทธาวาสทั่วไป ด้วยการรวมพระอุโบสถและพื้นที่ใช้สอยส่วนอื่นๆ เข้าเป็นอาคารหลังเดียวกันซึ่งเป็นแนวทาง
การออกแบบสถาปัตยกรรมสมัยรัชกาลที่ ๕ |
พระเมรุมาศ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีใน รัชกาลที่๗ ณ ท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานคร |
แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๘ |
ทรงมีกระแสพระราชดำรัสถึงแนวทางการออกแบบว่า “ขอให้ดำเนินการโดยประหยัด แต่ให้ครบถ้วนตามขัตติย
ราชประเพณี และสมพระเกียรติยศพระบรมศพ อีกประการหนึ่งฐานพระเมรุมาศไม่ควรสูงนักจะเป็นการลำบาก
แก่พระบรมวงศานุวงศ์ที่จะขึ้นถวายพระเพลิงพระบรมศพซึ่งทรงเจริญพระชนมายุมากพระพรรษาด้วยกันหลายพระองค์”
สถาปนิกผู้ถวายงาน ได้นำความคิดในด้านรูปร่าง แบบและชั้นเชิงของพระเมรุมาศองค์กลางของสมเด็จพระศรี
พัชรินทราบรมราชินีนาถ มาเป็นแนวทางในการออกแบบพระเมรุมาศของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ ๗ |
ศาลหลักเมือง กรุงเทพมหานคร |
แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๙ |
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งถึงรูปแบบของศาลหลักเมืองที่จะสร้างใหม่หลังนี้ว่า
“ศาลหลักเมืองนั้น ให้มีลักษณะเหมือนๆกับประตูพระบรมมหาราชวัง คือมีความสูง แต่มีมุขยื่นโดยรอบทั้งสี่
ด้าน”
สถาปนิกผู้ถวายงาน จึงได้มีแนวคิดในการออกแบบตามพระราชดำริ ทำให้ศาลหลักเมืองหลังใหม่นี้ มีลักษณะ
สถาปัตยกรรมในยุคสมัยรัชกาลที่ ๕ |
ศาลสมเด็จพระเนรศวร จังหวัดหนองบัวลำภู |
แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๑ |
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งต่อเหตุการณ์ผู้ก่อการร้ายบุกยึดสถานีตำรวจอำเภอหนองบัวลำภู ซึ่งขณะนั้นยังเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดอุดรธานี และทรงมีพระราชดำริให้สร้างศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราชขึ้น เพื่อปลุกปลอบขวัญและกำลังใจให้ชาวบ้านรักบ้านรักเมืองว่า “เมื่อครั้งโบราณ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยา ได้เคยทรงกรีฑาทัพจากอยุธยาผ่านหนองบัวลำภูแห่งนี้ เพื่อไปทำศึกปกป้องบ้านเมือง”
จากแนวคิดตามพระราชดำริดังกล่าว ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จึงได้รับการออกแบบให้มีลักษณะคล้ายหอพระ หรือศาลที่ประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ การออกแบบเน้นความเรียบง่าย และใช้วัสดุเป็นไม้ เพราะมีการเร่งรัดการก่อสร้างให้แล้วเสร็จใน ๓ เดือน |
พระอุโบสถวัดพุทธประทีป กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ |
แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๙ |
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับโครงการสร้างวัดไทยในกรุงลอนดอนไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งรัฐบาลไทยในขณะนั้น ได้แต่งตั้งคณะกรรมการจัดตั้งวัดพระพุทธศาสนา ณ กรุงลอนดอน โดยมีพลตรีพระเจ้าวรวงศ์เธอกรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ
การออกแบบ ได้เน้นการประยุกต์รูปแบบและระบบการก่อสร้างอาคารที่เหมาะสมกับสภาพที่ตั้ง โดยมีอาคารเป็นตึกแบบอังกฤษ แต่หลังคาบางส่วน จะมีศิลปะแบบวัดไทย |
จากพระอัจฉริยภาพทางด้านสถาปัตยกรรมไทยของพระองค์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้ทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาสถาปัตยกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาสถาปัตยกรรมไทย แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๗